ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 17 ปี ยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบ

ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 17 ปี ยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบ

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2024 ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ประกาศ ยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่สำคัญ หลังจากที่ญี่ปุ่นใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายดอกเบี้ยต่ำมาอย่างยาวนาน

การเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ของ BOJ

ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพียงประเทศเดียวที่ยังคงใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นและสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ BOJ ตัดสินใจปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก -0.1% เป็น 0.0-0.1% โดยให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะรองรับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความต้องการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงิน

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อ ตลาดการเงินและค่าเงินเยน โดยทันที ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกำลังประเมินผลกระทบของต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นต่อภาคธุรกิจ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ BOJ จะทำให้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนและประชาชนสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงส่งสัญญาณว่าจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม

นัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BOJ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่ยังมี ผลต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในผู้ให้สินเชื่อรายใหญ่ของโลก อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจทำให้กระแสเงินทุนไหลกลับญี่ปุ่น กระทบต่อตลาดการเงินในประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ที่พึ่งพาการลงทุนจากญี่ปุ่น

การเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นครั้งนี้สะท้อนถึง การเปลี่ยนยุคของนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ที่ใช้มาเกือบสองทศวรรษ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาสู่ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เป็นปกติของญี่ปุ่นในระยะยาว